เรียนเขียนโปรแกรมเร็วขึ้น 10 เท่า
Fastcode ที่บางคนรู้จักในชื่อ 10x programmer ว่าเป็นเพียงนิยายเหนือธรรมชาติ หรือเขียนลวกๆแก้ไขไม่ได้ แท้จริงแล้ว เป็นความลับของคนที่รู้วิธีเขียนโปรแกรมเร็วเท่ากับโปรแกรมเมอร์ 10 คนรวมกัน แต่ไม่บอกใคร กลัวมีคู่แข่ง เพราะเป็นหลักการเขียนโปรแกรม ที่มือใหม่สามารถเรียนรู้ได้ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมมาก่อน เมื่อรู้แล้วจะมีพื้นฐานที่มั่นคงไปตลอดชีวิต ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ไม่ล้าสมัยไปตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงทุกปี
การเขียนโปรแกรม เปรียบเหมือนสร้างบ้าน มีทั้งบ้านสำเร็จรูป (เหมือนซื้อโปรแกรมสำเร็จรูป) และสร้างใหม่จากศูนย์ (เหมือนเขียนเองหรือจ้างโปรแกรมเมอร์ทั่วไป) แต่ยังมีอีกเทคนิคหนึ่ง ที่นักเขียนโปรแกรมทั่วโลกยังไม่รู้จักกัน คือ fastcode เทียบกับการสร้างบ้านคือ ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป อย่างที่จีนใช้สร้างตึก 10 ชั้นเสร็จในวันเดียว
ปัญหาของการเขียนโปรแกรม
วิธีเขียนโปรแกรมของคนทั่วไป (รวมทั้งฝรั่งเจ้าของภาษา) คือเปิด text editor ขึ้นมา แล้วเริ่มเขียนเลย บางคนดาวโหลดคู่มือจากผู้สร้างภาษา (manual หรือ documentation) มาเก็บไว้ เปิดคู่มือไปเขียนไป บางคนหาซื้อตำรา (textbook) เล่มหนาๆมาช่วย พอหนังสือใกล้ตัวทั้งคู่มือและตำรา ยังไม่ตอบโจทย์ จึงไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตต่อ บางทีเริ่มจากไปหาในเน็ตก่อน เพราะคิดว่าเร็วกว่า แต่ยิ่งหายิ่งช้า เพราะมีทั้งข้อมูลจริงและมั่วปนกันอยู่
พอเขียนไปสักพัก ตรงไหนที่ต้องเขียนซ้ำ จำได้ว่าเคยเขียน แต่ลืมไปแล้วว่าเขียนยังไง คิดว่าเปิดหนังสือยุ่งยาก เลยอาศัยความจำเขียนถูกบ้างผิดบ้าง ทำให้เสียเวลา สุดท้ายเขียนผิดต้องกลับไปเปิดหนังสือใหม่ บางทีต้องไล่หาจากโปรแกรมที่เคยเขียนไว้แล้ว ถึงแม้บางครั้งจะเร็วกว่าเปิดตำราหาใหม่ แต่ยังเสียเวลา ยิ่งถ้าเป็นโปรแกรมอืดๆอย่าง android studio กว่าจะเปิดแต่ละโปรเจคขึ้นมาดูได้ บางทีรอจนลืมไปเลย
พอโปรแกรมที่เขียนเริ่มใหญ่ขึ้น เริ่มไม่กล้าแตะ ไม่กล้าแก้ไขเยอะ เพราะกลัวผิดพลาด จึงเริ่มเขียนช้าลงเรื่อยๆ เพราะเคยเจอมากับตัวเองว่า แก้ไขนิดเดียว error แล้วหาที่มายาก เพราะโปรแกรมซับซ้อนพัวพันกัน ต้องไล่หาเป็นชั่วโมงๆ ทดสอบอีกเป็นวัน เพราะโปรแกรมใหญ่ทดสอบแต่ละครั้งเริ่มอืด บางทีแก้ไขแล้วไม่ได้ผล ต้องเสียเวลาตามไล่ลบสิ่งที่ผิดออกให้ครบ ไม่อย่างนั้นโปรแกรมจะมีปัญหาตามมา ถ้าเป็น editor บางตัว auto save อย่าง android studio แก้ผิดนิดเดียวแล้ว undo กลับมาไม่เหมือนเดิม จะเสียไปเลย บางที backup ไว้หลายวันแล้ว ต้องเริ่มนึกใหม่เขียนใหม่อีกเป็นวัน กว่าจะกลับมาถึงจุดสุดท้ายที่ยังดีอยู่
ความสับสนเหล่านี้ เกิดจากการเขียนโปรแกรมที่ผิดวิธี ทำให้เขียนได้ช้า ยิ่งเขียนยิ่งแย่ลง เพราะจำผิดและกลัวผิดพลาด
เมื่อหาเรียนออนไลน์แล้ว พบว่าไม่สามารถพูดคุยสอบถามปัญหาหลังจากเรียนได้
ทางแก้
เรียนเขียนโปรแกรมให้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น ด้วยเทคนิค learn how to learn เพื่อให้สามารถเรียนรู้และแก้ปัญหาต่อได้ด้วยตนเอง ด้วยวิธีการเหมือนการวางแผนก่อนออกเดินทาง ไม่ใช่เที่ยวไปหาไปแล้วหลงทางได้ง่าย ถึงแม้ว่าการวางแผนเขียนโปรแกรมจะไม่ง่ายเหมือนการเดินทาง แต่ถ้าทำเป็นแล้วจะช่วยให้
- เขียนโปรแกรมเร็วขึ้นเป็น 10 เท่า (เช่น ลดจาก 2 วันเหลือ 2 ชั่วโมง) ช่วยให้มีเวลาว่างมากขึ้น โดยใช้วิธีการขั้นสูงกว่า design patterns
- เรียนวิธีเดียว ใช้ได้กับทุกภาษา ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องมือช่วย เพราะเป็นวิธีคิด ไม่ใช่เครื่องมือ
- แทบไม่ต้องเขียน ใช้จับวาง ช่วยให้เขียนได้แม่นยำขึ้น ผิดพลาดน้อยลง เขียนง่ายและเร็วกว่าใช้ GUI (รูปภาพ) ที่ไม่สามารถลดขั้นตอนได้เลย เช่นเวลาต้องการ copy บางส่วนจากโปรเจคเก่ามาใช้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด
- ยังใช้ code editor ได้เหมือนเดิม เพื่อทำเรื่องยากให้เป็นไปได้ ทำในสิ่งที่ GUI และ AI ทำไม่ได้ เช่น เชื่อมต่อกับสิ่งที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก
- เขียนง่ายกว่าสั่ง AI เพราะสื่อสารกับภาษาโปรแกรมด้วยภาษาของตัวเอง เป็นภาษามนุษย์หรือศัพท์มาตรฐาน ที่ตัวเองคุ้นเคยหรือสร้างขึ้นเอง ไม่ต้องเรียนภาษาแปลกประหลาดเพิ่ม เพียงเพื่อช่วยเขียนภาษาเดิมที่แปลกพออยู่แล้ว
- หากต้องการเขียนภาษาใหม่ จะเสียเวลาเรียนรู้แค่ครั้งเดียวตอนเริ่ม พอรู้แล้วลืมไปได้เลย แต่กลับมาเขียนได้ตลอดชีวิต ไม่ได้เขียนมาเป็น 10 ปี ยังกลับมาเขียนได้อย่างรวดเร็ว
- เขียนภาษาเดิมได้ โดยไม่ต้องจำโค้ด (code คือคำสั่ง) หรือเปิดหนังสือ หรือหาในเน็ตอีกต่อไป หลายคนไม่อยากเรียนรู้ภาษาใหม่ เพราะเขียนโปรแกรมโดยอาศัยความจำและความเคยชิน จึงไม่อยากจำศัพท์และ syntax คือศัพท์เฉพาะที่แต่ละภาษาคิดขึ้นเอง อย่าง TextField (Apple), EditText และ Plain Text (Android), TextInput (React Native), QPlainTextEdit (Qt) ซึ่งเหมือนกับ textbox (html, Windows, App Inventor) แต่ถ้าใครรู้วิธีคิดแล้ว จะพบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป การเขียนโปรแกรมจะง่ายและเร็วกว่าเรียนภาษาต่างประเทศเป็น 100 เท่า เพราะภาษามนุษย์ใช้ความจำได้อย่างเดียว เช่น สามารถเขียนโปรแกรมภาษา native พร้อมกันเป็น 10 ภาษา โดยไม่ต้องพึ่งภาษา cross-platform ที่มีความสามารถจำกัด
- เขียนโปรแกรมสนุกตื่นเต้นขึ้น เพราะเรียนรู้โค้ดใหม่แค่ครั้งเดียวในชีวิต พอรู้แล้วเขียนอย่างรวดเร็วราบรื่น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการ debug แก้ปัญหาจากความผิดพลาดของตัวภาษาหรือจากตัวเอง บางทีเสียเวลาแก้เป็นวันๆ จนโปรแกรมเมอร์ที่มีประสบการณ์ทราบกันดีว่า การเขียนโปรแกรมเสียเวลาที่สุดตอนแก้ bug โดยเฉพาะ bug ตอนโปรแกรมเริ่มเป็นรูปเป็นร่างจนไม่กล้าแตะ การแก้ไม่ใช่เรื่องสนุก
- อ่านโค้ดที่ตัวเองเขียนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เพราะมีตัวควบคุมสั่งการอีกชั้น โปรแกรมที่เขียนเป็นเพียงปลายน้ำ หากนำวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้ในองค์กร จะช่วยให้เขียนโปรแกรมเป็นทีมรวดเร็วขึ้น และเป็นระเบียบเชื่อมโยงกันมากขึ้น
บางคนอาจนึกถึงการวางแผนเหมือน flowchart หรือ pseudocode ที่สอนในโรงเรียน หรือ AI ที่นักบัญชีการเงินชอบพูดถึงโดยไม่รู้ความหมาย แต่ในความเป็นจริง flowchart ใช้ได้แค่สอนให้เข้าใจพื้นฐานคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะโค้ดที่ใช้งานจริง เป็นแบบ object ซับซ้อนโยงกันไปมา ส่วน pseudocode ถ้าทำเหมือน to-do list คือสั่งอย่างเดียว ไม่ต้องเชื่อมโยงกับโค้ดหากเขียนถูกวิธี จะช่วยให้เขียนเร็วขึ้นบ้าง เพราะช่วยลดช่วงเวลามึนงงระหว่างเปลี่ยนขั้นตอนว่าต้องทำอะไรต่อ ซึ่งจะเห็นได้ชัดในโปรแกรมที่ซับซ้อนมีหลายขั้นตอน หรือในสิ่งแวดล้อมที่โดนรบกวนสมาธิ แต่ไม่ได้ช่วยให้เขียนเร็วขึ้นเป็น 10 เท่า ยิ่ง AI ไม่ต้องพูดถึง เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะต้องสะสมข้อมูลไว้จำนวนมหาศาล แล้วยังต้องมีคนจำนวนมากตรวจสอบข้อมูลที่บกพร่องมาจากต้นขั้ว ขนาดยักษ์ใหญ่ระดับโลกยังทำได้ไม่ดี วิธีที่ใช้กันในชีวิตประจำวันคือ การเขียน comment ลงในโค้ดไม่ได้ช่วยให้เขียนโค้ดเร็วขึ้น แต่ถ้าทำถูกวิธี จะช่วยให้กลับมาอ่านเร็วขึ้น
แถมวิธีอื่นๆที่ช่วยให้เขียนโปรแกรมง่ายและเร็วขึ้น
- หลักการเขียนโปรแกรม ที่รวบรวมจากทั่วโลก และที่ไม่มีในหนังสือเล่มไหน เช่น ความแตกต่างระหว่างคู่มือและตำรา, ควรอ่านหนังสือให้จบก่อนเขียน หรือเขียนไปอ่านไป, เมื่อใดควรใช้ function หรือ configuration เมื่อใดควร hard code, ทำไมต้องเขียนให้เสร็จก่อนเขียนให้ดี, ขั้นตอนการ debug โดยเฉพาะตอนหา bug ไม่เจอ, วิธีตั้งชื่อตัวแปรและไฟล์, เลือก hardware อย่างไร, หลักการทำฐานข้อมูล
- วิธีแก้ปัญหาในคอมพิวเตอร์แบบโปร เช่น ลบหรือสำรองข้อมูลอย่างไรไม่หาย, วิธีคิดแก้ปัญหาจากใกล้ตัวไปไกลตัว
- วิธีเก่งภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว ทั้งอ่านและฟัง
- วิธีอ่านหนังสือเร็ว และวิธีเข้าถึงหนังสือทุกเล่มทั่วโลก
- เรื่องของสภาพแวดล้อมที่ใช้เขียนโปรแกรมได้ดี
- โรคทางกายของโปรแกรมเมอร์ จากเครียด นอนดึก อ้วน และไม่โดนแดด มีวิธีป้องกันและรักษา ใครไม่รู้จะเจ็บป่วยบ่อย สมองเสื่อม และ ถึงตายได้
- โรคทางจิตของโปรแกรมเมอร์ เช่น หมดไฟ (burnout) จนขาดสมาธิ ทำให้งานอืดลงเรื่อยๆ บางคนต้องเลิกเขียนโปรแกรมไปเลย, การผลัดวันประกันพุ่ง ทำให้เลื่อนไปจนวินาทีสุดท้าย, หรือ สภาพแวดล้อมเป็นพิษในที่ทำงานหรือที่บ้าน (toxic environment) ทำให้รู้สึกห่อเหี่ยว ประสิทธิภาพการทำงานลดลง อาจถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย มีวิธีแก้
- วิธีแก้ปัญหาที่แก้ไม่ตก ด้วยวิธีทางจิตเหนือธรรมชาติ ขั้นพื้นฐาน (ขั้นสูงจะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล)
ทั้งหมดนี้ สอนเป็นที่แรกในโลก
ไม่เคยมีหนังสือเล่มใดในโลกเขียนวิธี fastcode ที่ได้ผลจริงมาก่อน เห็นได้จากในหนังสือสอนเขียนโปรแกรม ที่ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดในโลกอย่าง code complete จนถึงวิธีการทำงานยอดนิยมอย่าง agile manifesto จะพบว่า โปรแกรมเมอร์เกือบทั้งโลก ไม่รู้วิธีเขียนโปรแกรมให้เร็วขึ้นเลยด้วยซ้ำ
เพราะเป็นความรู้ในระดับ knowledge และ wisdom ไม่ใช่ information
คิดค้นพัฒนาจากประสบการณ์ 30 ปี ของผู้ก่อตั้ง brinkstudio.com (เวปโฮสติ้ง) ตั้งแต่ปี 2543 (ก่อนหน้านั้นเริ่มเรียนรู้และทดลองในคณะวิศวะจุฬา) ตามด้วยก่อตั้ง cla-ya.com (ยาธรรมชาติ) ในปี 2555 และล่าสุดก่อตั้ง pimtel.com (social ที่อยู่ระหว่างพัฒนา) ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกไปอีกหลายสิบปี
ดูตัวอย่าง app ที่เขียนด้วยวิธีนี้คือ
- PimIdea (android 4+) quick note for a new idea เขียนด้วย android studio kotlin ใช้เวลาครึ่งวัน (6 ชม.) ถ้าไม่รวมตกแต่งสีสันจะลดเวลาไปครึ่งหนึ่ง
- PimNote (Windows XP+) text editor.
ดูตัวอย่างบทความที่เขียนโดยผู้สอน เรื่อง perl สอนวิธีเลือกภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรม
หัวข้อที่เรียน
I. เรื่อง fastcode
1. สาเหตุที่ทำให้เขียนโปรแกรมช้า
2. ความลับของ 10x programmer (จากหลักคณิตศาสตร์ ถึงหลักการแพทย์ และจิตวิทยา)
3. วิธีการ
II. วิธีอื่นๆ ที่ช่วยให้เขียนโปรแกรมเร็วขึ้น
4. หลักการใช้คอมพิวเตอร์
5. วิธีอ่านหนังสือ
6. วิธีแก้ปัญหาหน้าจอ (debug 12 วิธี)
7. วิธีเลือกภาษาเขียนโปรแกรม
8. หลักการเขียนโปรแกรม (จากวิธีจัดรูปแบบโค้ด ถึงวิธีสร้างต้นแบบ)
9. วิธีปรับสภาพแวดล้อม (จากสิ่งของ ถึงจิตใจคน)
10. เรื่องของสุขภาพ
III. ประยุกต์ใช้งาน
11. การสร้างโปรเจค
12. วิธีรวยด้วยซอฟท์แวร์
13. วิธีทำงานเป็นทีม
ทั้งหมดนี้เรียนแบบรูปภาพ เป็นภาษาไทย ตัวอย่างเอกสารการสอน
ค่าเรียน
เรียนตัวต่อตัว
10,000.- บาท
ตามสถานที่ที่นักเรียนกำหนด ซึ่งดีกว่าการเรียนออนไลน์ตรงที่ สามารถปรับหลักสูตรตามระดับความรู้ของนักเรียน มองเห็นจุดอ่อนของนักเรียนได้มากกว่า อธิบายและช่วยเหลือได้ดีกว่า
สอนทฤษฎี 3 ชั่วโมง ทดลองปฎิบัติ 3 ชั่วโมง หลังเรียนโทรพูดคุยสอบถามได้อีก 6 เดือน
รับประกันคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 1 เดือน หากเขียนโปรแกรมไม่เร็วขึ้นจริง (มีระบุในใบสัญญา)
เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ที่อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนเก่งระดับโลก
โดยเฉพาะโปรแกรมเมอร์ที่ต้องการเงินเดือนสูงขึ้น แต่ทำงานน้อยลง
หรือฟรีแลนซ์ที่รับเขียนโปรแกรมซ้ำๆ
หรือหัวหน้างานที่อยากเก่งกว่าโปรแกรมเมอร์
หรือนักเรียนที่ต้องการได้ที่ 1 ของประเทศ
ขั้นตอนการสมัคร
- ให้ข้อมูลวิธีติดต่อด้านล่าง
- ผู้สอนโทรคุยเพื่อสอบถามพื้นฐาน ส่งสัญญาให้อ่าน
- โอนเงินก่อนเรียนอย่างน้อย 1 วัน ผู้เรียนจะได้รับเอกสารอ่านล่วงหน้า
- ผู้สอนบอกสิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนเริ่มเรียน พร้อมนัดวันเวลาเรียน
ติดต่อ
หรือโทร 026688383 กด 1 เวลา 13-18 น.
เพราะความไม่รู้ มีมูลค่ามหาศาล